Can't find topic? Find it here

Thursday, October 29, 2009

เรื่องที่ถูกคำนวณออกมาแล้วมันดูม่น่าเชื่อ



1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก


2. The Great Barrier Reef (แนวปะการังที่ยาวทีสุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 2000 กิโลเมตร


3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตีด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9300 ครั้งต่อปี


4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือมีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัน

5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 ลูก


6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซื่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน
http://www.mijnalbum.nl/GroteFoto-NFBG7F4W.jpg
7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง
http://opticsclub.engineering.ucdavis.edu/home_files/laser.jpg
8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า

9. 65% ของผู้ป่วยออทิสติคส์ เป็นคนถนัดซ้าย


10. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต

11. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์นับหมื่นล้านล้านลิตร

12. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต

13. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน

14. กล้อง infared จับภาพหมีขั้วโลกได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนของมัน

15. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี คนเราจะกินสัตว์จำพวกเห็บลิ้นไร โดยไม่ได้ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี

16. รากของต้น Rye(ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา) สามารถแผ่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์

17. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดลงต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน

18. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ(ในรูปของไอน้ำ)ออกมา 10 - 25 แกลลอน

19. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรู้ว่าใบไม้และดอกไม้ที่มันสัมผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่

Thursday, August 27, 2009

10 สุดยอดคนอัจฉริยะของโลกที่ยังมีชีวิต

10.Elaina Smith
ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ

สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับ ความนิยมจากผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ” ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”

9. Willie Mosconi
เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ

William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม
ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ ใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool

8. Fabiano Luigi Caruana
แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด

Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี

7. Michael Kevin Kearney
รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบ
และกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์

หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดใน โลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17 ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ” อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก

6.Saul Aaron Kripke
Harvard เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล

Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า” และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่

5.Aelita Andre
หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง
ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ

ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป

4.Cleopatra Stratan
นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง
(47,000-48,000 บาท)

Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย
http://www.youtube.com/watch?v=GDq-E708lHU
ลองเข้าไปฟังเพลงของเธอได้ ตามลิ้งค์ด้านบนเลยค่ะ ^ ^



3.Akrit Jaswal
ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ

Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง
ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน

2.Gregory Smith
ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุเพียง 12 ปี

Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจใน ระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ ซะทีนั่นเอง


1. Kim Ung-Yong
เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ
จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก

Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210 คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี
คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน

Friday, July 24, 2009

10 สุดยอดนักฟิสิกส์ของโลกตลอดกาล

อันดับ 10 : เออร์เนสต์ รัตเทอร์ฟอร์ด (Ernest Rutherford)
นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ เกิด พ.ศ. 2414 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2480 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี พ.ศ. 2451 จากผลงานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี เป็นผู้ให้กำเนิดแบบจำลองอะตอมที่คล้ายระบบสุริยะ มีนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง (คล้ายดวงอาทิตย์) มีอิเล็กตรอนอยู่รอบนิวเคลียส แต่แบบจำลองอะตอมของรัตเทอร์ฟอร์ด เป็นแบบจำลองที่ยังไม่นำคุณสมบัติเชิงควอนตัมของอะตอมมาใช้ อิเล็กตรอนโคจรอยู่รอบนิวเคลียสโดยยังไม่มีกรอบควบคุม ต้องรอนีลส์ บอหร์พัฒนาแบบจำลองอะตอมของรัตเทอร์ฟอร์ด ให้มีคุณสมบัติเชิงควอนตัมด้วย คืออิเล็กตรอนจะโคจรอยู่รอบนิวเคลียสอย่างมี เสถียรภาพได้เฉพาะบางวิถี โคจรเท่านั้น

อันดับ 9 : เออร์วิน ชโรดิงเจอร์ (Erwin Schrodinger)
นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย เกิด พ.ศ. 2430 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2504 ติดอันดับสุดยอดนักฟิสิกส์โลกเท่ากับพอล ดิแรก คืออันดับ 8 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2476 สำหรับผลงานมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทฤษฎีควอนตัม เจ้าของชื่อ สมการคลื่นชโรดิงเจอร์ ซึ่งเป็นสมการคลื่นควอนตัม มีความสำคัญต่อนักฟิสิกส์ยุคควอนตัม พอๆ กับสมการว่าด้วยการเคลื่อนที่ (F = ma) ของนิวตัน
http://www.apl-rmutk.com/home/images/stories/content/erwin_schrodinger.jpg
อันดับ 8 : พอล ดิแรก (Paul Dirac)

นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ เกิด พ.ศ. 2445 ถึงแก่ กรรมพ.ศ. 2527 เป็นผู้ที่รวมทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษ (special theory of relativity) เข้ากับทฤษฎีควอนตัมได้สำเร็จตั้งแต่ พ.ศ. 2471 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2476 จาก ผลงานเชิงทฤษฎีที่พยากรณ์ว่า อนุภาคทุกชนิด ล้วนมีปฏิอนุภาคเป็นคู่ เริ่มต้นจากปฏิอนุภาคของอิเล็กตรอน


อันดับ 7 : ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Feynman)
นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน เกิด พ.ศ. 2459 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2531 ได้ชื่อเป็นนักฟิสิกส์อารมณ์ดี สอนฟิสิกส์ในระดับมหาวิทยาลัยที่ยาก ๆ ได้สนุกสนาน ทั้งๆ ที่เจาะลึก ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2508 จากผลงานเกี่ยวกับ quan-tum electrodynamics

อันดับ 6 : กาลิเลโอ (Galiieo)
นักฟิสิกส์ชาวอิตาลี เกิด พ.ศ. 2107 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2185 เป็นนักวิทยาศาสตร์คนเดียวในโลก ที่ชื่อแรกของเขา (กาลิเลโอ) เมื่อมีการกล่าวถึง ก็เป็นที่เข้าใจกันทั่วโลกว่า หมายถึงเขา โดยไม่ต้องระบุชื่อ - นามสกุลเต็มว่า กาลิเลโอ กาลิเลอี ได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์เด่นที่สุด ที่นำวิทยาศาสตร์โลกให้ก้าวเข้าสู่วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ หลังจากที่วิทยาศาสตร์โลกติดอยู่กับบ่วงเหล็ก ของวิทยาศาสตร์ยุคเก่ามานานกว่าหนึ่งพันปี บ่วงเหล็กของทฤษฎีเกี่ยวกับ จักรวาลว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล














อันดับที่ 5 : เวิร์นเนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg)
นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน เกิดพ.ศ. 2444 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2519 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ขณะมีอายุเพียง 31 ปี เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีควอนตัม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักความไม่แน่นอนที่มีชื่อของเขาอยู่ด้วยว่า Heisenberg uncertainty principle


อันดับที่ 4 : นีลส์ บอห์ร (Niels Bohr)
นักฟิสิกส์ชาวเดนมาร์ก เกิด พ.ศ. 2428 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2505 เป็นเจ้าของทฤษฎีแบบจำลอง (model) หรือ โครงสร้าง (structure) ของ อะตอม ที่รู้จักเรียกกันว่า แบบจำลองอะตอมบอห์ร (Bohr atomic model, Bohr atomic structure) ซึ่งเชื่อมโยงความคิดเชิงควอนตัมในเรื่องของการรับ และปล่อยพลังงานโดยอะตอมและตำแหน่ง ของอิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสว่า ต้องเป็นควอนตัมคือ อยู่ได้เฉพาะบางวิถีโคจร (กำหนดโดยหลักการเชิงควอนตัม)
นีลส์ บอห์รมีบทบาทสำคัญใน โครงการสร้างระเบิดอะตอมลูกแรกของโลก คือโครงการแมนฮัตตัน แต่ภายหลัง เมื่อเห็นฤทธิ์เดชอันน่าสะพรึงกลัวของระเบิดนิวเคลียร์นีลส์ บอห์รก็ทุ่มเทชีวิตให้กับการรณรงค์เพื่อให้มี การนำเอาพลังงานิวเคลียร์มาใช้ทางสันติเท่านั้น

อันดับที่ 3 : เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ (James Clerk Maxwell) นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ชาวสก็อต เกิด พ.ศ. 2374 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2422 ผลงานสำคัญคือ ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า รวมปรากฏการณ์หรือผลงานของเรื่องที่เป็นไฟฟ้า เข้ากับแม่เหล็ก
James Clerk Maxwell (1831–1879)
อันดับที่ 2 : ไอแซก นิวตัน (Isaac New-ton)
นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ เกิด พ.ศ. 2185 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2272 ผลงานสำคัญเป็นพิเศษ คือทฤษฎีความโน้มถ่วง กฎสามข้อของการเคลื่อนที่ แคลคูลัส ความจริงนิวตันสนใจเคมีและใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับเคมี เขียน เรื่องราวเกี่ยวกับเคมีไว้มาก แต่มักจะไม่ได้รับการกล่าวถึง เพราะเป็นเคมียุคเก่า ที่เป็นเรื่องของอัลเคมี (เล่นแร่แปรธาตุ) ที่ไม่เป็นประโยชน์อีกต่อเคมียุคใหม่

Godfrey Kneller's 1689 portrait of Isaac Newton (aged 46)
อันดับ 1 : อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
นัก ฟิสิกส์ชาวเยอรมัน - สวิส - อเมริกัน เกิด พ.ศ. 2422 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2498 ผลงานสำคัญมีมากมาย เช่น ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั้งภาคพิเศษและภาคทั่งไป ทฤษฏีปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (photoelectric effect) ซึ่งเป็ฯผลงานที่ทำให้ได้รับราลวัล โนเบลประจำ ปี 2464 ทฤษฏีการเคลื่อนที่แบบบราน์ (Brownian motion)ฯลฯ
Albert Einstein, 1921


Monday, June 22, 2009

God and science(4)

ปริศนาการกำเนิดของสรรพสิ่ง แฝงความเชื่อทางคริสตศาสนา



หน้า: 4/4




ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์

เป็นไปได้หรือที่มนุษย์เรามีความแตกต่างทางเชื้อสาย มีสีผิวที่แตกต่างกัน จะมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน
จากการศึกษาของ Wells
ได้พบว่ามนุษย์ทั้งโลกมีบรรพบุรุษคนเดียวกันอยู่บริเวณทวีปแอฟริกา
รหัส พันธุกรรม ทำให้เราทราบว่า มีการอพยพออกจาก แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของมนุษย์เป็นระยะๆ เข้าสู่ถิ่นฐานใหม่ ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของชนชาติต่างๆ
นอกจากนี้จากการศึกษาของ Haigh และ Maynard Smith ก็พบสิ่งซึ่งตรงกันว่าผู้ชายทั้งโลก ไม่ว่าผิวสีใด มีบรรพบุรุษร่วมกันหนึ่งเดียวคือ Adam

พระเจ้าตรัสว่า “ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น”

แล้ว พระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงนำกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้ผิวหนังแนบสนิทเข้าด้วยกันดังเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงนำออกจากมนุษย์เพศชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง
แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น



Chromosome


การสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมาจากมนุษย์เพศชาย กับการสร้างมนุษย์เพศชายขึ้นมาจากมนุษย์เพศหญิงอันไหนง่ายกว่ากัน


ผู้หญิงมีโครโมโซม
XX ผู้ชายมีโครโมโซม XY ทำให้โครโมโซมเพศหญิงเป็น subset
ของเพศชาย
การสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก เพียงแค่นำ Chromosome X ออกมา และเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวเท่านั้น
ดังนั้นการสร้างมนุษย์เพศชายก่อนแล้วจึงสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก




มนุษย์ทั้งโลกมาจากแม่คนเดียวจริงหรือ
การดูจาก Chromosome นั้นไม่สามารถวัดได้เพราะ ผู้หญิงนั้นมีโครโมโซม X 1 คู่ ตัวหนึ่งได้มาจากพ่อ อีกตัวได้มาจากแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ได้ คือมีสิ่งหนึ่งที่มาจากแม่เสมอ นั่นคือ Mitochondrial DNA ซึ่งมีหน้าที่ทำหน้าเป็นปอดให้กับเซลล์
ใน Mitochondrial มี DNA ฝังอยู่ข้างใน ซึ่ง Mitochondrial นั้นมาจากผู้เป็นแม่เท่านั้น โดยติดมากับไข่ของแม่




Mitochondrial DNA


ด้วย สิ่งนี้เราจึงย้อนกลับไปหาฝ่ายแม่ได้ จากการศึกษาในปัจจุบัน ผลสรุปที่ออกมาคือ มนุษย์ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากหญิงคนเดียวในอดีตนั่นคือ
เอวา
และเมื่อนำอัตราการเกิด การ
Mutation มาคำนวณเทียบกับความหลากหลายใน Mitochondrial DNA ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประมาณได้คร่าวๆว่า เอวา มีชีวิตอยู่เมื่อ 6,500 – 8,000 ปีก่อน


จริง หรือ? ที่มนุษย์ทั้งโลกถือกำเนิดขึ้นจากมนุษย์เพียงคู่เดียว คำถามที่ยังคงเป็นคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ปริศนาดำมืดบนโลกยังมีอีกมากมาย วิทยาศาสตร์ใช่เป็นคำตอบของทุกสิ่ง กรอบความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่ออธิบายความเข้าใจที่ยังอยู่ห่างไกลนัก

feed

Add to Google Reader or Homepage