Can't find topic? Find it here

Monday, June 22, 2009

God and science



ทุก วันนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าพระเจ้าเป็นเรื่องงมงาย เป็นเพราะในอดีตกาลนั้นมนุษย์มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์น้อยมาก ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้น มนุษย์ในสมัยนั้นเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมีเทพเจ้าอยู่เบื้องหลัง แต่หลังจากที่วิทยาการ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก้าวหน้ามากขึ้น ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความลี้ลับ ปรากฎการณ์ธรรมชาติต่างๆที่มนุษย์เคยให้เคารพนับถือ บูชา บัดนี้ ปรากฏการณ์เหล่านั้นเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเท่านั้นเอง



มหาเทพซุส
มหาเทพโอดิน


ทุก วันนี้เทพเจ้าต่างๆที่มนุษย์เคยนับถือ Zeus, Odin, Anubis เทพเจ้าต่างๆได้ตายไปจากความคิดของมนุษย์หมดแล้ว ความเชื่อในอดีตมากมายถูกสั่นคลอนด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ พระเจ้าของคริสเตียนถูกตั้งคำถามมากมาย พระเจ้ามีจริงหรือ? หลายคนคิดว่าวิทยาศาสตร์คือคำตอบของทุกสิ่ง “แต่”
ความจริงก็คือ วิทยาศาสตร์ตอบได้แค่เพียงบางคำถามเท่านั้นเอง


ของทุกอย่างที่มีจุดเริ่มต้น ต้องมีเหตุ จักรวาลมีจุดเริ่มต้นจริงหรือ?

กฎของ
Thermodynamic
ปริมาณของสสารและพลังงานทั้งหมดในเอกภพมีปริมาณจำกัดคงที่
เรา ไม่สามารถสร้างสสารหรือพลังงานขึ้นใหม่ได้ สสาร และ พลังงาน อาจเปลี่ยนรูปไปมาแต่ไม่อาจมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ถึงแม้ปริมาณของพลังงานจะคงเดิม แต่พลังงานที่ใช้งานได้จะลดลงเรื่อยๆ
เช่น เดียวกับเอกภพของเรา เมื่อดาวฤกษ์ต่างๆเผลาผลาญพลังงานจนหมด เอกภพก็จะสูญสลาย ทุกสิ่งมีจุดจบ มีจุดเริ่มต้น แต่ผู้ใดให้กำเนิดเอกภพ? คำถามนี้ยากเกินกว่าจินตนาการของมนุษย์จักขานไข


ก่อน หน้าเอกภพเป็นอย่างไร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าก่อนหน้านี้เอกภพเป็นกลุ่มก้อนที่รวมตัวกัน มีเส้นผ่านศูนย์กลางเป็นศูนย์ และมีอุณหภูมิสูงหลายล้านองศา ก่อนหน้าที่จะมีเอกภพ ไม่มีทั้งเอกภพ และไม่มีเวลา เอกภพและเวลาเกิดขึ้นพร้อมกัน เราไม่อาจเข้าใจว่าเวลาคืออะไรกันแน่ มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดจริงหรือ เวลาสัมบูรณ์หรือไม่



ทฤษฎีที่มีชื่อเสียงทฤษฎีหนึ่งของเซอร์ไอแซค นิวตัน คือ ทฤษฎีความเร็วสัมพัทธ์
เช่น สมมุติว่ามีแก้ววางอยู่บนรถ คนบนรถจะเห็นว่าแก้วตั้งอยู่นิ่งๆ แต่คนที่อยู่นอกรถจะเห็นว่าแก้วกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากับความเร็ว ของรถ และหากเราออกไปอยู่ในยานอวกาศและมองกลับมาบนโลก เราจะเห็นว่าแก้วกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 107,
000 กม./ชม. เท่ากับความเร็วของโลก


ตกลง แก้วเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าใดกันแน่ ทุกคนต่างก็วัดความเร็วได้ถูกต้อง คำตอบคือตอบไม่ได้ครับ ทั้งนี้เป็นเรื่องของความเร็วสัมพัทธ์
อีก หนึ่งกรณีคือ รถตำรวจกำลังวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. และรถของผู้ร้ายกำลังวิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ตำรวจจะเห็นว่ารถผู้ร้ายกำลังวิ่งออกห่างจากรถตำรวจด้วยความเร็ว 20 กม./ชม. ขณะเดียวกันเราได้ขับรถสวนทางกับรถทั้งสองด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เราจะเห็นว่ารถตำรวจกำลังวิ่งด้วยความเร็ว 180 กม./ชม. และรถของผู้ร้ายกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 200 กม./ชม.


ดัง นั้นเมื่อเราวัดความเร็วของสิ่งใด จะวัดความเร็วได้เท่าไรนั้นต้องขึ้นกับว่าผู้วัดกำลังเคลื่อนที่ด้วยความ เร็วเท่าใดและกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด เมื่อวัดความเร็วต้องบอกว่าค่าที่ได้นั้นเทียบกับอะไร เพราะไม่มีอะไรที่ถือว่าหยุดนิ่งจริงๆ นีเป็นทฤษฎีของท่านเซอร์ไอแซค นิวตัน


อย่างไรก็ตามได้เกิดปัญหาขึ้นในปี 1887 เมื่อ
Edward Morley และ Albert Michelson ได้ทดลองวัดความเร็วของแสงในทิศทางที่โลกเคลื่อนที่เข้าหาหรือเคลื่อนออกจาก กำเนิดของแสง ปรากฏว่าได้ความเร็วที่เท่ากัน ไม่ว่าอย่างไรก็วัดความเร็วแสงได้คงที่ที่ 186,
000 ไมล์ต่อวินาที และไม่สามารถหาคำอธิบายที่เหมาะสมได้

No comments:

feed

Add to Google Reader or Homepage