Can't find topic? Find it here

Monday, June 22, 2009

God and science(2)







อัล เบิร์ต ไอนสไตน์ได้กล่าวไว้ว่า กฎความเร็วสัมพัทธ์ของนิวตันจะถูกต้องได้ต้องเอา ความเร็วแสงเข้ามาคำนวณด้วย ไอนสไตน์ ได้ชี้ให้เห็นว่าผลการทดลองของทั้งสองคนออกมาเป็นเช่นนั้นเพราะ เวลาไม่ใช่สิ่งที่สัมบูรณ์ เวลาสามารถยืดหดได้ เมื่อเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เวลาของเราจะเดินช้าลง ดังนั้นทำให้เราวัดความเร็วแสงได้คงเดิมเสมอ

ต่อมาทฤษฎีของไอนสไตน์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง
โดย นำนาฬิกาอะตอมที่มีความเที่ยงตรงสูงมาก 2 เรือน เรือนหนึ่งอยู่บนโลก อีกเรือนหนึ่งใส่ในจรวดที่มีความเร็วสูงมาก พบว่านาฬิกาที่อยู่ในจรวดเดินช้ากว่าเรือนที่อยู่บนโลก และเมื่อนำสารกัมมันตภาพรังสี ใส่ในจรวดที่เดินทางด้วยความเร็วสูง จะพบว่าการสลายตัวนั้นข้าลง แสดงให้เห็นว่าเวลาจะเดินช้าลงเมื่อเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
เช่น กันของนำฝาแฝดคนหนึ่งเดินทางไปในอวกาศด้วยความเร็วสูงเมื่อกลับมาบนโลกเขาจะ ยังหนุ่มกว่าคู่แฝดของเขา ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า
twin paradox




ยิ่ง เข้าใกล้ความเร็วแสงมากเท่าใดเวลาจะเดินช้าลงๆ และที่ความเร็วแสงเวลาจะหยุดนิ่ง เราจะไม่แก่ลงเลย แล้วเราจะสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงได้มั้ย คำตอบคือไม่ได้ ทุกวันนี้พบว่าแม้แต่มวลก็ไม่สัมบูรณ์ เมื่อสสารเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว มวลของมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีความเร็ว 0.9c มวลของสสารจะเพิ่มเป็นเท่าตัว และที่ความเร็ว 1.0c มวลของสสารจะเพิ่มเป็นอนันต์


ดังนั้นเมื่อมวลเป็นอนันต์ก็ต้องใช้พลังงานเป็นอนันต์เพื่อขับเคลื่อนมวล นั้น ตามทฤษฎีจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะสามารถเดินทางด้วยความเร็วแสงได้ เวลาไม่เพียงยืดหดได้ แต่เวลายังถูกทำให้โค้งงอด้วยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงด้วย ยิ่งแรงโน้มถ่วงมาก เวลาจะยิ่งเดินช้าลง

ดัง นั้นเมื่อแรกเริ่มขณะที่เอกภพกำลังรวมตัวกันเป็นก้อนกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์ กลางเป็นศูนย์ แรงโน้มถ่วงจะมหาศาลจนดึงเวลาให้โค้งงอไม่มีที่สิ้นสุดและไม่อาจเริ่มต้นได้ จนกระทั่งเมื่อเอกภพขยายตัวและแรงโน้มถ่วงลดลง เวลาจึงเริ่มต้นได้


ทฤษฎี สัมพันธภาพกล่าวว่า ไม่มีเวลาใดที่เป็นมาตรฐาน มนุษย์ทุกคนต่างมีเวลาเป็นของตนเอง ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่จุดใดและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าใด

ทุก วันนี้ เป็นที่ยอมรับแล้วว่าทั้งมวลและเวลาต่างก็ไม่สัมบูรณ์ แต่ดูเหมือนสิ่งที่สัมบูรณ์เพียงสิ่งเดียวในเอกภพคือ แสง
พระเจ้าตรัสว่า พระองค์เป็นแสงสว่าง วิวรณ์ 22
:5


ดังนั้นผู้ที่ให้กำเนิดเวลานั้นมิได้อยู่ในกรอบของเวลา ผู้ให้กำเนิดเวลาย่อมดำรงอยู่ก่อนการกำเนิดเวลา

ในพระธรรม 2 ทิโมธี 1:9 ได้กล่าวไว้ว่า
who has saved us and called us to a holy life—not because of anything we have done but because of his own purpose and grace. This grace was given us in Christ Jesus before the beginning of time,

และพระธรรมทิตัส 1:2
a faith and knowledge resting on the hope of eternal life, which God, who does not lie, promised before the beginning of time,





พระ เยซูทรงดำรงอยู่ก่อนการกำเนิดเวลา ดังนั้นพระองค์ไม่มีจุดเริ่มต้น พระองค์ไม่มีจุดสิ้นสุด ดังนั้นไม่ต้องมีใครสร้างพระองค์ เช่นเดียวกับภาพวงกลม ถามว่าจุดเริ่มต้นของวงกลมอยู่ตรงไหน ไม่มีใครตอบได้

และ เนื่องจากมนุษย์ถูกกำหนดอยู่ในกรอบของ เวลา ดังนั้นเป็นการยากที่เราจะเข้าใจผู้อยู่เหนือ เวลา ได้ แต่แม้เป็นเรื่องยาก พระเจ้าก็ทรงอนุญาตให้มนุษย์สามารถทำความเข้าใจจากแง่มุมของพระองค์ได้ผ่าน ทางผู้เผยพระวจนะ ซึ่งก็คือพระธรรมอิสยาห์ พระธรรมอิสยาห์เป็นการมองจากมุมของพระเจ้า อิสยาห์บันทึกเหตุการณ์ต่างๆโดยไม่คำนึงถึงลำดับเวลาของเหตุการณ์


เพราะการลำดับเวลาในโลกไม่มีความหมายในสายพระเนตรของพระเจ้า ทุกสิ่งไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ปรากฏในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ
2 เปโตร
3:8

แต่ดูก่อนพวกที่รัก อย่าลืมความจริงข้อนี้เสีย คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปีและพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว



ทฤษฎีบิ๊กแบง

การระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า supernova ทำให้ทฤษฎีบิ๊กแบงน่าเชื่อถือมากขึ้น
แต่การระเบิดนั้นเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือมีใครควบคุมอยู่?




บิ๊กแบงจะต้องเกิดในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากการระเบิดหากจักรวาลเย็นเร็วเกินไปจะประกอบด้วยแก๊สฮีเลียมทั้งหมด
และหากจักรวาลเย็นลงช้าเกินไปทั่วทั้งจักรวาลจะไม่มีแก๊สฮีเลียมเลย

การ ระเบิด ต้องระเบิดอย่างสมดุล หากการระเบิดรุนแรงเกินไป อนุภาคต่างๆจะกระจายออกไปหมด ไม่อาจรวมตัวกันเป็นระบบสุริยะต่างๆได้
หากการระเบิดปลดปล่อยพลังงานน้อยเกินไป เอกภพก็จะกลับมารวมตัวกันไม่แยกเป็นกาแล็กซีต่างๆอย่างทุกวันนี้
หากมีใครบอกว่าบ้านหลังหนึ่งเกิดขึ้นโดยการระเบิดจะมีใครเชื่อบ้าง?
กาแล็กซีที่มีระบบระเบียบยิ่งกว่าบ้านหรือเมืองใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นจากการระเบิดโดยบังเอิญได้หรือ?

Genesis 1:1

In the beginning God created the heavens and the earth.
ปฐมกาล 1:
1
ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก



โลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วพอดีๆ ที่ 107,000 กม./ชม.
ความเร็วขนาดนี้ทำให้โลกสามารถรักษาระยะห่างจากดวงอาทิตย์ได้คงที่
หากเร็วกว่านี้โลกจะค่อยๆเคลื่อนห่างออกไปตั้งวงโคจรใหม่และหนาวเย็นจนอยู่ไม่ได้
หากช้ากว่านี้โลกจะค่อยๆเข้าใกล้ดวงอาทิตย์และถูกดวงอาทิตย์ดูดเข้าไป

No comments:

feed

Add to Google Reader or Homepage